การเรียนคันจิสำหรับใช้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ 1

การเรียนคันจิสำหรับใช้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ 1

การเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับการทำงานในญี่ปุ่นนั้น งานเป็นสิ่งสำคัญในชีวิต คุณผู้อ่านหลายท่านคงไม่มีเวลาในการเรียนภาษาญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ในชีวิตจริงและการทำงานนั้น การรู้คันจิและคำศัพท์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ วันนี้จะขอนำเสนอวิธีเรียนคันจิให้ได้ประสิทธิภาพ 2 วิธี เมื่อได้คันจิที่ควรรู้และสามารถใช้งานได้เพิ่มเติมแล้ว จะช่วยสร้างความมั่นใจและเป็นแรงบันดาลใจในการทำงานได้

การเรียนคันจิสำหรับใช้จริงอย่างมีประสิทธิภาพ 2

Contents:

① การจำคันจิพื้นฐาน (คันจิขั้นพื้นฐานะสำหรับชีวิตประจำวัน)

เริ่มต้นด้วยการจำคันจิที่มีจำนวนเส้นน้อย

ในบรรดาคันจิที่ใช้ในชีวิตประจำวันบ่อย ๆ จะมีตัวที่เราจำง่ายหลายตัว บทเรียนคันจิในแบบเรียนภาษาญี่ปุ่นระดับต้นจะนำเสนอลำดับการเขียนและตัวอักษรที่ใช้ในชีวิตประจำวันจากง่ายไปยาก

 

ตัวอย่าง: 一 (one), 二 (two), 三 (three), 四 (four), 五 (five), 六 (six), 七 (seven), 八 (eight), 九 (nine), 十 (ten), 百 (hundred), 千 (thousand), 万 (ten thousand), 時 (time), 分 (minute), 円 (yen), 日 (day/sun), 月 (month/moon), 火 (fire), 水 (water), 木 (tree), 金 (gold/money), 土 (earth), 字 (character), 枚 (counter for flat objects), 人 (person), 大 (big), 中 (middle), 小 (small), 前 (before/front), 後 (after/back), 左 (left), 右 (right) … etc.

 

 เน้นไปที่คันจิที่ใช้บ่อยในงานและชีวิตประจำวัน

ขอให้คุณผู้อ่านคอยสังเกตบันทึก, ป้ายประกาศ และใบปลิวในสถานที่ จะเห็นได้ว่าคันจิที่เห็นในสถานที่ทำงานและชีวิตประจำวันอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิด ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นความต้องการในการเรียนได้

ในชีวิตประจำวันจะมีป้ายประกาศในสถานีรถไฟ, ซูเปอร์มาร์เก็ต และโรงพยาบาล รวมถึงบ้านพักคนชราก็จะมีป้ายประกาศสำหรับพนักงานและผู้ใช้บริการ

 

② คันจิมี “ความหมาย” และ “วิธีอ่าน” เป็นปัจจัยสำคัญ เริ่มต้นเรียนจากความหมาย วิธีอ่าน ไปจนถึงวิธีเขียน

<ความสำคัญของความหมายในคันจิ>

・同じ読み方でも、漢字によって「意味」が異なるものがあります(同音異義語と言います)。

 

/ (hana) – “flower” / “nose”

花 (ดอกไม้) กับ 鼻 (จมูก) : อ่านว่าฮานะเหมือนกัน

 

/ (hi) – “sun” / “fire”

日 (ดวงอาทิตย์) กับ 火 (ไฟ) : อ่านว่าฮิเหมือนกัน

 

見る / 診る (mi-ru) – “to see” / “to examine (as a doctor)”

見る (ดู) กับ 診る (ตรวจดูอาการป่วย) : อ่านว่ามิรุเหมือนกัน

 

(ki): Machines and devices → 掃除機 (vacuum cleaner), 洗濯機 (washing machine), 自動販売機 (vending machine), 飛行機 (airplane)

機 (คิ): ใช้กับเครื่องจักรหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น 掃除機 (เครื่องดูดฝุ่น), 洗濯機 (เครื่องซักผ้า), 自動販売機 (เครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ), 飛行機 (เครื่องบิน)

 

(ki): Containers and simple tools → 食器 (tableware), 便器 (toilet bowl), 歩行器 (walker)

・คันจิบางตัวมีวิธีอ่านเหมือนกัน แต่มีความหมายต่างกัน (เรียกว่า “คำพ้องเสียง”) เช่น

器 (คิ): ใช้กับภาชนะหรืออุปกรณ์ขนาดเล็ก เช่น 食器 (ภาชนะอาหาร), 便器 (สุขภัณฑ์), 歩行器รถช่วยเดิน

 

ตัวคันจิตัวหนึ่งในคำศัพท์หนึ่งสามารถบอกความหมายทั้งหมดของคำศัพท์นั้นได้ ลองมองหาคันจิพื้นฐานที่คุณผู้อ่านรู้ความหมายในคำศัพท์กันดูได้

 

床」(ki-shou):起きること(例文:起床時間は6時です)

床 (คิ-โช) หมายถึง ตื่นนอน เช่น 起床時間は6時です (เวลาตื่นนอนคือ 6.00 น.)

起床 (ki-shou): Waking up (Example: 起床時間は6時です – “Wake-up time is 6 AM.”)

 

「継」(kei-zoku):続けること(例文:日本語の勉強を継続します)

(เค-โซคุ) หมายถึง ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เช่น 日本語の勉強を継続します (จะเรียนภาษาญี่ปุ่นต่อไป)

継続 (kei-zoku): Continuing (Example: 日本語の勉強を継続します – “I will continue studying Japanese.”)

 

「発」(hatsu-gen):言うこと(例文:自分の考えを発言しました)

(ฮัตสึ-เก็น) หมายถึง พูดหรือแสดง เช่น 自分の考えを発言しました (แสดงความคิดของตนเอง)

発言 (hatsu-gen): Speaking (Example: 自分の考えを発言しました – “I expressed my opinion.”)

 

<ความสำคัญของการอ่านคันจิ>

การอ่านคันจิที่ผิดไปจะทำให้ฟังและเข้าใจความหมายได้ไม่ชัดเจน อีกทั้งปัจจุบันนี้การพิมพ์บันทึกและรายงานจะใช้คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ตแทบทั้งหมด การเริ่มต้นด้วยการอ่านตัวคันจิที่ถูกต้องจะช่วยให้แสดงความหมายได้ถูกต้องตามไปด้วย หากอ่านผิดแล้ว ความหมายที่ได้ก็จะผิดเพี้ยนตามไปด้วย

 

③ การจดจำคันจิจากบริบทของเนื้อความ

การจดจำคันจินั้น ควรทำความเข้าใจในความหมายของตัวคันจินั้นและการใช้ในบทความ การอ่านแบบออกเสียงจะช่วยในการฝึกการอ่าน

 

  • Example: (gatsu, tsuki, getsu)
  • 月 อ่านว่ากัตสึ, สึกิ, เก็ตสึ
    • 今日は1月(がつ)15日です。 (Today is January 15th.)
    •  (วันนี้วันที่ 15 มกราคม อ่านว่ากัตสึ),
    • 月(つき)がきれいです。 (The moon is beautiful.)
    • (พระจันทร์สวยงาม อ่านว่าสึกิ)
    • 月(げつ)曜日は早番の仕事です。 (On Monday, I have an early shift.)
    • (วันจันทร์ทำงานกะเช้า อ่านว่าเก็ตสึ)
    • 7月(がつ)に日本に来ました。 (I came to Japan in July.)
    • (มาที่ญี่ปุ่นในเดือนกรกฎาคม อ่านว่ากัตสึ)
  • Example: (nama, u, sei, i)
    • この魚は生(なま)で食べられます。 (This fish can be eaten raw.)
    • (ปลาชนิดนี้รับประทานสดได้ อ่านว่านามะ)
    • わたしは7月に生(う)まれました。 (I was born in July.)
    •  (ฉันเกิดเดือนกรกฎาคม อ่านว่าอุ)
    • 生(せい)年月日をおしえてください。 (Please tell me your date of birth.)
    • (กรุณาบอกวันเดือนปีเกิด อ่านว่าเซ)
    • 鈴木さんは日本語の先生(せい)です。 (Mr. Suzuki is a Japanese teacher.)
    • (คุณซึสึกิเป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่น อ่านว่าเซ)
    • 日本で生(せい)活しています。 (I live in Japan.)
    • (ใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่น อ่านว่าเซ)
    • 魚は水の中で生(い)きています。 (Fish live in the water.)
    • (ปลาอยู่ในน้ำ อ่านว่าอิ)

 

ในการจดจำคันจินั้น สิ่งที่สำคัญคือ “การอ่านออกเสียง” หรือการอ่านไปพร้อมกับออกเสียงคำอ่าน ซึ่งจะช่วยให้ติดหูและจดจำได้ง่ายขึ้น และช่วยในการเขียนคันจิจริงต่อไป

ขอแนะนำให้คุณผู้อ่านศึกษาวิธีการเขียนและออกเสียงคันจิที่ถูกต้อง โดยลองศึกษาทุกวัน วันละ 2 ตัว และใช้เวลาสัก 10 นาที มีประโยคภาษาญี่ปุ่นที่ว่า 継続は力なり (เคโซคุ วะ จิคาระ นาริ แปลว่าความต่อเนื่องคือพลัง) คุณผู้อ่านอาจจะจำคันจิได้หลายตัวโดยที่ไม่รู้ตัวก็ได้

 

(บรรณาธิการ) อาโออิ เอริ

อาจารย์ของสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมระหว่างประเทศและภาษาญี่ปุ่น Y ทำงานสนับสนุนการเรียนภาษาญี่ปุ่นให้แก่ชาวต่างชาติที่สมัครงานดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่นตามความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (EPA) ตั้งแต่ปี 2011 ปัจจุบันทำงานสนับสนุนการศึกษาให้แก่ชาวต่างชาติที่ทำงานดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่นภายใต้วีซ่าผู้ฝึกอบรมทักษะและผู้มีทักษะเฉพาะ ทำหน้าที่บรรยายและสอนภาษาญี่ปุ่นรวมทั้งสิ้น 420 ชั่วโมง ทั้งยังสอบผ่านเป็นนักสังคมสงเคราะห์และสอบผ่านการวัดสมรรถนะครูภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย