ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่ปลอดภัย โดยญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 9 ของดัชนีสันติภาพโลก [1] ที่ประกาศเมื่อเดือนมิถุนายนปี 2020 ถือเป็นอันดับต้นๆ รองจากประเทศพัฒนาแล้วสำคัญๆ อย่างแคนาดา ในญี่ปุ่นมีกฎหมายที่มีวัตถุประสงค์ในการควบคุมปืนและดาบจึงไม่มีใครที่พกปืนหรือดาบติดตัว (แน่นอนว่าไม่มีซามูไรที่พกดาบไว้ที่เอวเช่นกัน) เราได้ไปสอบถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นจากผู้มีประสบการณ์ทำงานที่ญี่ปุ่นโดยผ่านแบบสอบถามและการสัมภาษณ์
[1] Global Peace Index © Institute for Economics and Peace
Contents:
ที่ญี่ปุ่นออกไปข้างนอกตอนกลางคืนไม่อันตรายหรือ
คุณ Mani Gyawali ชาวเนปาลที่ทำงานในจังหวัดโออิตะบอกว่า “เมืองที่ผมอาศัยอยู่นั้นมีความปลอดภัยมาก ตอนออกไปข้างนอกไม่ว่าจะทำงานหรือส่วนตัวก็ไปได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา เทียบกับประเทศบ้านเกิดผมแล้ว ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยสูงมากไม่ว่าจะช่วงเวลาไหน” ในอีกทางหนึ่ง คุณ Annie เล่าว่า “เทียบกับฟิลิปปินส์แล้ว ตอนกลางคืนที่ญี่ปุ่นปลอดภัยมาก แต่ฉันก็มีประสบการณ์ที่น่ากลัวเช่นกัน คือตอนที่มีคนเมาเข้ามาหาฉันแถวในเมืองที่มีร้านเหล้าเยอะๆ”
นอกจากนี้ คุณ Batgerel Ariungerel ที่เพิ่งมาจากมองโกเลียไม่นานบอกว่า “ญี่ปุ่นมีภาพลักษณ์ว่าเป็นที่ที่สะอาดและปลอดภัยมาก แต่พอมาที่ญี่ปุ่นก็เห็นข่าวที่ออกอากาศมีแต่คดีหรืออุบัติเหตุเลยรู้สึกกังวลนิดหน่อย”
จริงที่ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีความปลอดภัย แต่ผู้หญิงก็ควรหลีกเลี่ยงการออกมาเดินในเมืองกลางดึกตามลำพัง
ภายในเมืองสะอาดไหม
เมื่อชาวต่างชาติมาที่ญี่ปุ่น มีหลายคนที่ตกใจว่ารถที่วิ่งอยู่สะอาดมาก! บนรถสาธารณะอย่างรถไฟหรือรถประจำทางก็สะอาดและไม่ค่อยมีขยะตกอยู่ คุณ Mani Gyawali จากเนปาลบอกว่า “ฉันติดใจมากเรื่องการจัดการขยะของญี่ปุ่นและการที่ในเมืองจะสะอาดสะอ้านอยู่ตลอด และยังแปลกใจตอนที่เห็นว่ามีห้องน้ำและที่ดื่มน้ำในสวนสาธารณะ ฉันได้เรียนรู้ว่าคนญี่ปุ่นมีจิตสำนึกที่จะรักษามารยาทอย่างมาก”
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าบางคนก็อาจมีภาพลักษณ์เรื่องความสะอาดของห้องน้ำต่างออกไป มีบางคนแสดงความเห็นว่า “ห้องน้ำในศูนย์การค้าหรือห้างสรรพสินค้าจะสะอาดสะอ้านมาก แต่ห้องน้ำตามสถานที่สาธารณะมักไม่ค่อยสะอาดเท่าไร ห้องน้ำที่สถานีรถไฟก็มักมีกลิ่นเหม็น…”
ว่ากันว่าคนญี่ปุ่นมีเอกลักษณ์ประจำชาติคือมักปฏิบัติตามมารยาทหรือกฎเกณฑ์อยู่ตลอด ด้วยเหตุนั้นถนนในญี่ปุ่นจึงมักสะอาดและไม่ค่อยมีที่น่าอึดอัด แต่ในอีกทางหนึ่ง ก็มีกฎบางอย่างที่ชาวต่างชาติก็ยากที่จะเข้าใจเมื่อมาญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก คุณ Riswanti จากอินโดนีเซียบอกว่า “ที่ญี่ปุ่นมีกฎเกณฑ์หลายอย่าง จึงควรค่อยๆ ศึกษาไปทีละอย่าง”
ค่าครองชีพเมื่อเทียบกับประเทศของคุณ
เป็นเรื่องยากที่จะตอบว่าค่าครองชีพของญี่ปุ่นถูกหรือแพง แต่จากมุมมองของคนประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหมือนว่าวัตถุดิบต่างๆ จะค่อนข้างแพง คุณ Annie จากฟิลิปปินส์ที่ใช้ชีวิตอยู่ที่ญี่ปุ่นบอกว่า “ค่าครองชีพที่ฟิลิปปินส์นั้นถูก ส่วนที่ญี่ปุ่นทั้งผัก ผลไม้ แท็กซี่ พิซซ่าและค่าแรงล้วนมีราคาสูง แต่ค่าน้ำค่าไฟอาจจะถูกกว่าที่ฟิลิปปินส์ แต่ทั้งยาที่สั่งจ่ายที่โรงพยาบาลทั้งประกันสุขภาพก็เพียบพร้อม ฉันคิดว่าถือว่าถูก”
นอกจากนี้ คุณ Mani Gyawali จากเนปาลผู้เคยใช้ชีวิตที่ญี่ปุ่นก็บอกว่า “ครั้งแรกที่เห็นราคาของที่ญี่ปุ่น ผมตกใจมาก อย่างเช่น ข้าวสาร 10 กิโลราคาแพงกว่าที่ประเทศผม 5 เท่า แต่พอเริ่มชินกับชีวิตที่นี่ผมก็ไม่ค่อยสนใจแล้ว เป็นเพราะว่าแม้ราคาของจะแพงแต่ค่าแรงก็สมส่วนกัน คนที่เพิ่งมาญี่ปุ่นใหม่ๆ น่าจะรู้สึกว่าค่าครองชีพค่อนข้างสูง”
ในทางกลับกันก็มีข้อเท็จจริงที่ว่าค่าครองชีพที่ญี่ปุ่นแทบไม่สูงขึ้นในรอบหลายสิบปีที่ผ่านมา มีบางความเห็นที่บอกว่า “ฉันกลับมองโกเลียไปครั้งหนึ่งและหลังจากนั้น 6 ปีก็ได้มาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง สิ่งที่ฉันประหลาดใจตอนนั้นคือ พวกขนมปัง ไอศกรีม ราเมง น้ำอัดลมที่เคยทานบ่อยๆ ราคาแทบไม่ต่างไปจากเมื่อ 6 ปีก่อนเลย เมื่อเทียบกับมองโกเลียญี่ปุ่นมีอัตราเงินเฟ้อต่ำ ในแง่หนึ่งก็ทำให้วางแผนทางการเงินได้ง่าย”
ในปัจจุบันคุณสามารถหาราคาของได้ด้วยอินเตอร์เน็ต อาจจะดีหากคุณลองตรวจสอบราคาสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวันมาก่อนมาที่ญี่ปุ่น การเตรียมตัวเรื่องเงินและการวางแผนค่าใช้จ่ายก็เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการเดินทางไปญี่ปุ่นเช่นกัน
หาซื้อวัตถุดิบต่างๆ ได้ไหม
การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมใหม่อาจทำให้คุณกังวลเรื่องอาหารการกิน คุณอาจเป็นห่วงว่าจะมีวัตถุดิบหรือเครื่องปรุงแบบที่ใช้ที่ประเทศคุณหรือไม่ จะหาซื้อได้ที่ไหน อันที่จริงญี่ปุ่นค่อนข้างมีความหลากหลายทางอาหาร หาวัตถุดิบต่างๆ ได้ง่ายและร้านอาหารก็มีมากมาย คุณจึงสามารถเพลิดเพลินไปกับเรื่องอาหารได้ เราลองไปดูความเห็นจากชาวต่างชาติที่เคยอยู่ที่ญี่ปุ่นกัน
・“มีความหลากหมายทางอาหารมาก ทั้งอาหารญี่ปุ่น อาหารตะวันตก หากไปที่เมืองใหญ่ๆ ก็จะเจอร้านอาหารของประเทศที่แปลกตา เช่น อาหารเปรู อาหารเอธิโอเปีย อาหารอุซเบกิสถาน และแน่นอนว่าพวกอาหารจานด่วนก็มีมากมาย แต่ว่าอาหารของประเทศฉันตามร้านอาหารก็รสชาติธรรมดาๆ และราคาแพง ฉันเลยซื้อวัตถุดิบมาทำเอง หาซื้อเครื่องปรุงของประเทศตัวเองได้ทางเว็บไซต์ขายของออนไลน์เลย”
・“ตอนที่เพิ่งมาที่ญี่ปุ่น ฉันรู้สึกลำบากมากเพราะอาหารญี่ปุ่นไม่ค่อยถูกปาก ช่วงแรกเลยจะซื้อวัตถุดิบที่จำเป็นจากซูเปอร์แล้วทำอาหารรสชาติแบบที่ประเทศตัวเอง พอเริ่มคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่ก็ทานอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น บางครั้งก็ทำอาหารญี่ปุ่นเองที่บ้าน เวลาอยากทานอาหารของประเทศตัวเองก็จะไปร้านอาหารในเมือง ที่ซูเปอร์หรือเว็บไซต์ขายของออนไลน์ก็มีวัตถุดิบต่างๆ ขายอยู่ ฉันไม่เดือนร้อนเรื่องอาหารเลย”
การใช้เวลาในวันหยุด
ในช่วงปัจจุบันการเดินทางอาจทำได้ยากเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา แต่ที่จริงแล้วเครือข่ายการคมนาคมในประเทศญี่ปุ่นได้รับการพัฒนาอย่างดี สามารถออกเดินทางไปที่ต่างๆ ได้ในวันหยุดด้วยเครื่องบิน รถไฟ รถประจำทางพิเศษ เป็นต้น
คุณ Anarbayar Renchinkhorol จากมองโกเลียบอกว่า “โดยพื้นฐานแล้วญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัย ผู้หญิงก็สามารถไปเที่ยวคนเดียวได้อย่างสบายใจ” หรือคุณจะไปเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งหรือดูหนังที่สถานที่ใกล้ๆ ก็ได้ มีบางคนที่ได้ไปสอนเด็กๆ ญี่ปุ่นเล่นคริกเก็ตหรือไปสนุกกับการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมหรือการแข่งร้องคาราโอเกะ เป็นต้น
คุณ Annie จากฟิลิปปินส์เล่าว่า “ในวันเสาร์อาทิตย์ ฉันชอบไปตระเวนตามคาเฟ่ใกล้ๆ ชอบไปร้านค้าในเมืองไปทานอาหารที่ร้าน แล้วก็ชอบไปร่วมกิจกรรมในท้องถิ่น (เช่น งานเทศกาล งานนิทรรศการ) และฉันก็ชอบประสบการณ์ชงชาที่ทำให้ได้สัมผัสวัฒนธรรมญี่ปุ่นมากด้วย ฉันยังตั้งเป้าหมายว่าจะไปเที่ยวบ่อยๆให้ครบทั้ง 47 จังหวัดทั่วประเทศเลย!”
เมื่อมาทำงานดูแลบริบาลที่ญี่ปุ่น คุณอาจจะยุ่งอยู่กับการเตรียมสอบทักษะบริบาลและการเรียนภาษาญี่ปุ่น คงจะดีหากได้ออกไปข้างนอกและสนุกไปกับญี่ปุ่นในวันหยุดเพื่อไม่ให้เครียดจนเกินไป